เทพเซธมิได้ทรงทราบถึงการปลุกพระชนม์จอมเทพโอสิริส
แต่เพียงแค่ทรงทราบว่า จอมเทพโอสิริสทรงมีรัชทายาทแล้ว ก็ทำให้พระองค์คลั่งแค้นมาก
ทรงมีรับสั่งว่า
“ตอนนี้เทวบัลลังก์แห่งโลกว่างเปล่า
เทพฮาร์มาคิสผู้พี่ของเรา ก็ไม่ปรารถนามัน มันกำลังจะเป็นของเราโดยชอบ
แต่นี่ไอซิสกลับมีลูกชายแอบซ่อนเราไว้
ครอบครัวนี้เป็นอุปสรรคแก่เราแท้จริง
เราจักหาตัวเด็กคนนี้ให้พบ และฆ่ามันเสีย”
พระองค์สั่งบริวารออกไปทั่วดินแดนอียิปต์
เพื่อสืบข่าวเกี่ยวกับยุวเทพโฮรุส ในไม่ช้าก็มีคนพบว่า พระเทวีไอซิสกำลังเสด็จกลับไปยังเกาะเคมมิสอย่างรีบด่วน
ดังนั้น
ภายหลังพระเทวีไปถึงเกาะดังกล่าวเพียงไม่ทันข้ามวัน เทพเซธก็เสด็จไปถึง
และเร้นกายอยู่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำไนล์ เพื่อรอเวลาที่เหมาะสม
คืนนั้นเป็นวันพระจันทร์เต็มดวง
เป็นวันที่จันทรเทพคอนซูทรงมีเทวานุภาพสูงสุดในการควบคุมทุกสิ่งบนพื้นพิภพ
พระเทวีไอซิสจึงเสด็จออกจากที่ซ่อน
และเริ่มประกอบพิธีบูชาองค์จันทรเทพ เพื่อขออำนาจคุ้มครององค์ยุวเทพ
แต่เพียงองค์เทวีทรงเริ่มหลับพระเนตรและบริกรรมคาถา
เทพเซธก็แปลงร่างเป็นแมงป่องขนาดใหญ่ คลานเข้าไปถึงพระแท่นบรรทมของยุวเทพโฮรุส
แมงป่องนั้นต่อยองค์ยุวเทพที่กำลังบรรทมถึง 3 แห่ง
เสียงร้องของพระโอรส ทำให้พระเทวีเย็นวาบไปทั้งพระวรกาย
พระนางรีบกลับเข้าไป อุ้มพระโอรสองค์น้อยขึ้นด้วยพระหัตถ์อันสั่นเทา ทรงกรีดร้องเมื่อเห็นรอยแผลของพระโอรส
ทรงทราบทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
พระเทวีไอซิสกอดพระโอรสไว้แนบพระทรวง
บริกรรมคาถาอันทรงอานุภาพทำลายพิษแมงป่องทันที
พิษร้ายของแมงป่องค่อยบรรเทาลง
แต่องค์เทพโฮรุสทรงพระเยาว์เกินกว่าจะทานทนได้ สิ่งนี้ร้ายแรงเกินไปสำหรับพระองค์
เมื่อถึงตอนเช้า พระองค์ก็สิ้นพระชนม์
พระเทวีไอซิสทอดพระองค์เคียงข้างพระโอรส
ทรงกรรแสงคร่ำครวญปิ่มว่าจะขาดพระทัย น่าเวทนานัก
แต่โดยพลันก็ทรงได้สติ
ทรงร้องขอความช่วยเหลือจากมหาเทพธอธ ผู้ทรงอาคมยิ่งกว่าเทพองค์ใดในสวรรค์
เสียงร้องนั้นกึกก้องไปทั่วสามโลก
มหาเทพธอธได้เสด็จมาปรากฏพระองค์เบื้องหน้าองค์เทวี
และตรัสว่า
“พระนางไม่ต้องทรงวิตก
โอรสของพระนางจะต้องแก้แค้นแทนบิดาของเขา และจักได้ครองเทวบัลลังก์แห่งโลกต่อไป
ดังนั้นในไม่ช้า พระองค์จักฟื้นคืนพระชนม์ชีพอีกครั้งหนึ่ง
เวลานี้พระนางจงปล่อยให้ดวงพระวิญญาณพระโอรสได้ไปสู่ปรโลก
เพื่อเข้าเฝ้าองค์จอมเทพโอสิริส หลังจากนั้น พระองค์จักเสด็จกลับมาสู่โลกนี้
และกระทำภารกิจของพระองค์ให้ลุล่วง
ระหว่างนั้น
เราจะเรียกประชุมเหล่าเทพเจ้าทั้งหลาย
เพื่อลงมติร่วมกันถึงสิทธิในการครองบัลลังก์ของเทพเซธ
จงใช้ปรีชาญาณของพระนางเพื่อมิให้เทพเซธสมหวัง”
และแล้ว
เทวสภาอันศักดิ์สิทธิ์ก็เกิดขึ้นในโลกมนุษย์อีกครั้งหนึ่ง
องค์สุริยเทพราได้เสด็จเป็นประธาน
ท่ามกลางเหล่าเทพเจ้าและมวลมนุษย์ทั้งหลาย พระเทวีไอซิสก็เสด็จไปเข้าร่วมด้วย
และในไม่ช้า
เทพเซธก็เสด็จเข้าสู่เทวสภาอย่างองอาจ เพราะขณะนี้ ดินแดนทั้งหมดในอาณาจักรอียิปต์
ได้ตกอยู่ภายใต้เทวอำนาจของพระองค์แล้ว
แต่เมื่อเทพเซธเริ่มต้นอ้างสิทธิ์ในเทวบัลลังก์
มหาเทพธอธกลับแย้งว่า รัชทายาทของจอมเทพโอสิริสยังอยู่
เทพเซธทรงเดือดดาลมาก ทรงเรียกหาข้อพิสูจน์กระแสรับสั่งของมหาเทพธอธ
ทันทีนั้น
พระเทวีไอซิสก็เสด็จออกมาท่ามกลางเทพเจ้าทุกองค์ และตรัสยืนยันสิ่งที่มหาเทพธอธตรัสแล้วทุกประการ
“นี่ไม่เป็นความจริง!“ เทพเซธตรัสอย่างเกรี้ยวกราด
“ไอซิสอ้างถึงพระโอรสของจอมเทพ
ซึ่งไม่มีตัวตน พวกเราอย่าได้หลงเชื่อ
แท้จริงหญิงคนนี้ต้องการครองเทวบัลลังก์ไอยคุปต์เสียเองต่างหาก
องค์สุริยเทพผู้ทรงเป็นประธานแห่งเทวสภานี้
คงจะทรงระลึกได้กระมัง ว่าหญิงคนนี้ได้กระทำสิ่งใด
เพื่อช่วงชิงเทวบัลลังก์แห่งโลกจากพระองค์ไปให้สามีของนาง
ขอให้พวกเราทั้งหลาย จงขับไล่นางไปเสียจากที่ประชุมนี้
หาไม่ เราจักทำให้เกิดสงครามครั้งใหญ่ และทุกคนที่ขัดขวางจะไม่มีชีวิตรอด”
สุริยเทพรา
ซึ่งทรงไม่พอพระทัยพระเทวีไอซิสอยู่แล้ว ทรงเห็นด้วยทันที
พระองค์รับสั่งให้เลิกการประชุม
และทรงมีเทวโองการให้เทพทุกองค์เสด็จมาลงมติร่วมกันในวันรุ่งขึ้น โดยไม่อนุญาตให้พระเทวีไอซิสเข้าร่วมอีกต่อไป
ดูเหมือนเทพเซธกำลังได้เปรียบ
แต่เทพนารีผู้เลอโฉมก็มิได้ย่อท้อ
พระนางเสด็จไปวางแผนอันลี้ลับอย่างหนึ่ง ร่วมกับพระขนิษฐา
คือเทวีเนฟธีส
วันรุ่งขึ้น พระเทวีไอซิสก็มิได้เสด็จมาร่วมประชุมสภาจริงๆ
มีแต่เทวีเนฟธีส ซึ่งใครๆ ก็รู้ว่าได้หนีจากเทพเซธไปนานแล้วเสด็จมา
เมื่อเห็นเช่นนั้น เทพเซธทรงปีติยินดีมาก
ยิ่งเมื่อเทวีเนฟธีสรับสั่งว่า การที่พระนางทรงหนีไปจากพระองค์ที่ผ่านมานั้น ก็เพราะถูกสะกดด้วยเวทมนต์อันชั่วร้ายของพระเทวีไอซิส
บัดนี้พระนางหลุดพ้นจากอาคมเหล่านั้นแล้ว และกลับมาเพื่ออยู่เคียงข้างพระองค์
เทพเซธถึงกับทรงลืมทุกสิ่ง ประทานอภัย และทรงสัญญาจะแต่งตั้งพระนางขึ้นเป็นราชินีแห่งอียิปต์
ทันทีที่พระองค์ได้ขึ้นครองราชย์
“การที่พระองค์จะสถาปนาหม่อมฉันถึงเพียงนั้น
เป็นพระกรุณาอย่างหาที่สุดมิได้“
เทวีเนฟธีสตรัสอย่างอ่อนหวาน
“แต่พระองค์ต้องทรงประกาศสาบาน ต่อเทวสภาเสียก่อนว่า
หากหม่อมฉันมีโอรส โอรสของหม่อมฉันต้องได้ขึ้นครองเทวบัลลังก์แห่งอียิปต์ ทันทีที่เทวบัลลังก์นั้นว่างลง
และหากว่าเขายังเยาว์วัยเกินกว่าที่จะกระทำอันตรายแก่พระองค์
พระองค์จักไม่ทรงกระทำอันตรายเขาเป็นอันขาด”
เทพเซธทรงประกาศให้คำมั่นสัญญาต่อที่ชุมนุมของเหล่าเทวะทั้งหลายตามนั้น
โดยไม่รอช้า
และพอสิ้นคำประกาศนั้นเอง องค์เทวีเนฟธีสก็ทรงพระสรวล
จากนั้น พระวรกายก็เปลี่ยนไปเป็นพระเทวีไอซิส ท่ามกลางความตกตะลึงของเทพทุกองค์ รวมทั้งสุริยเทพรา
จากนั้น พระวรกายก็เปลี่ยนไปเป็นพระเทวีไอซิส ท่ามกลางความตกตะลึงของเทพทุกองค์ รวมทั้งสุริยเทพรา
พระเทวีไอซิสตรัสว่า
“ฉันคือไอซิส
ชายาขององค์จอมเทพโอสิริส มารดาของโฮรุส ผู้ทรงเป็นรัชทายาทอันชอบธรรมของอียิปต์
ณ บัดนี้
เทพเซธได้กระทำสัตย์สาบานแล้วว่า
ลูกชายของฉันจักได้ครองเทวบัลลังก์แห่งโลกซึ่งว่างอยู่ ด้วยคำสาบานนั้น
เทพเซธเป็นผู้รับรองแล้วว่า โฮรุสคือเทวกษัตริย์อันชอบธรรม ขอให้เทพเจ้าทั้งหลายที่นี่ทรงเป็นสักขีพยานด้วยเถิด”
เหล่าเทพยดาทั้งหลายทรงโห่ร้องด้วยความพอพระทัย
ในความชาญฉลาดของพระเทวีไอซิส ที่ทรงเอาชนะเทพเซธได้สำเร็จ
แม้แต่องค์สุริยเทพก็ยังต้องทรงพระสรวล
ขณะเดียวกับที่เทพเจ้าเซธประทับยืนนิ่ง
แทบจะกลายเป็นก้อนศิลา
ก่อนจะทรงคำรามด้วยพระเสียงกึกก้อง
จนภูเขาใหญ่น้อยทั่วแดนอียิปต์สั่นสะเทือนแทบพังทลาย พระองค์รับสั่งว่า
เทพเจ้าเมื่อพูดแล้วย่อมไม่คืนคำ
แต่โฮรุสจะไม่มีทางได้ครองแผ่นดินเป็นอันขาด เราจักรอให้มันโตเป็นหนุ่ม แล้วค่อยประหารมัน!“
จากนั้น เทพเซธและบริวารก็พากันกลับอาณาจักรทะเลทราย
พระเทวีไอซิสได้เสด็จกลับเข้าไปประทับในพระราชวังแห่งธีบีส
ดำรงตำแหน่งสุริยรานี ผู้สำเร็จราชการแทนองค์ยุวเทพเป็นการชั่วคราว
และผืนแผ่นดินไอยคุปต์ก็สงบสุขอีกครั้ง
จนเมื่อองค์เทพโฮรุส เสด็จกลับมาเกิดในร่างมนุษย์อีกครั้งหนึ่ง
และเมื่อเจริญพระชันษาขึ้น พระองค์พร้อมกับเทพฮาร์มาคิส
และผู้จงรักภักดีก็ยาตราสู่สมรภูมิ
ในระหว่างการต่อสู้ ในสงครามอันศักดิ์สิทธิ์และยาวนาน กองทัพของเทพโฮรุสมีชัยชนะเหนือกองทัพของเทพเซธในการต่อสู้ทุกครั้ง
ในระหว่างการต่อสู้ ในสงครามอันศักดิ์สิทธิ์และยาวนาน กองทัพของเทพโฮรุสมีชัยชนะเหนือกองทัพของเทพเซธในการต่อสู้ทุกครั้ง
และในที่สุด หลังจากหมดสิ้นกองกำลังในมือ
เทพเซธก็พ่ายแพ้ และถูกเทพฮาร์มาคิสจับได้
แต่เมื่อพระองค์ถูกนำตัวไปถึงเทวสภา และถูกองค์สุริยเทพตัดสินให้ถูกประหารด้วยดาบของเทพโฮรุส พระองค์ก็แปลงเป็นงูสีดำเลื้อยหนีไปได้อีก
แต่เมื่อพระองค์ถูกนำตัวไปถึงเทวสภา และถูกองค์สุริยเทพตัดสินให้ถูกประหารด้วยดาบของเทพโฮรุส พระองค์ก็แปลงเป็นงูสีดำเลื้อยหนีไปได้อีก
เทพโฮรุส
ต้องยกทัพออกตามล่าปรปักษ์ของพระองค์อีกครั้ง
จนในที่สุดการรบครั้งสุดท้ายได้บังเกิดที่เมือง เอ็ดฟู (Edfu)
ที่นั่น เทพโฮรุสสามารถประหารเทพเซธ ซึ่งแปลงร่างเป็นฮิปโปโปเตมัสสีแดงขนาดยักษ์ได้สำเร็จ
โดยระหว่างการรบ
เทพเซธสามารถควักดวงเนตรศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ได้ข้างหนึ่ง
พระเทวีไอซิสเป็นผู้เก็บรักษาพระเนตรข้างนั้นไว้ ก่อนที่มหาเทพธอธจะประจุอาคมให้กลายเป็น วัดจัท (Uadjat) สัญลักษณ์แห่งพลังอำนาจ
พระเทวีไอซิสเป็นผู้เก็บรักษาพระเนตรข้างนั้นไว้ ก่อนที่มหาเทพธอธจะประจุอาคมให้กลายเป็น วัดจัท (Uadjat) สัญลักษณ์แห่งพลังอำนาจ
หลังจากนั้น เทพโฮรุสจึงเสด็จกลับมายังธีบีส
และเถลิงถวัลยราชสมบัติ เป็นเทวกษัตริย์ครองแผ่นดินอียิปต์ ต่อจากพระบิดาเป็นเวลาหลายร้อยปี
กษัตริย์ที่เป็นมนุษย์จึงได้ครองราชย์สืบต่อกันมา
โดยถือกันว่าสืบเชื้อสายต่อมาจากพระองค์
ส่วนพระเทวีไอซิส ยหลังสิ้นพระชนม์ ได้เสด็จไปประทับเคียงข้างจอมเทพโอสิริสในปรโลก
ร่วมกับเทวีเนฟธีสและเทพอนูบิส เพื่อตัดสินชะตากรรมของดวงวิญญาณผู้วายชนม์ทั้งหลาย
ไปจนกระทั่งวันสิ้นโลก ซึ่งจะเกิดภัยพิบัติครั้งยิ่งใหญ่ ที่ทำลายล้างเหล่ามนุษยชาติไปแทบทั้งหมด
หลังจากนั้นจะเป็นยุคทอง ซึ่งจอมเทพโอสิริส
และพระชายาทั้งสองจะกลับมาปกครองโลก
เพื่อสร้างสรรค์อารยธรรมอันเจริญรุ่งเรืองอย่างแท้จริง
เหล่าวิญญาณที่ดี จะพากันกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง
ในวันเวลาอันสวยสดงดงามนั้น และดำรงชีวิตด้วยความผาสุกไปตลอดกาล
……………………………
หมายเหตุ : เนื้อหาในบทความนี้ มีลิขสิทธิ์ ใครจะนำไปใช้อ้างอิงที่ใด ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมด จะต้องระบุ URL ของแต่ละบทความด้วย และห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าโดยเด็ดขาด